วิธีการอธิษฐานก่อนนอน เพื่อตัดกรรมตนเอง

อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอนก้อได้


(นะโม 3 จบ) “ สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
อุกาสะ ขะมามิ ภันเต “

หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้งล่วงเกิน บิดา-มารดา
ครูบาอาจารย์พระพุทธ พระธรรม
พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วย กายวาจา ใจ ก็ดี
ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย

หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมาขออนุญาตมีคู่
มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป
ขอถอนคำอธิษฐานคำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต
ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน
ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูกที่ชอบที่ควร
ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัวตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้องจงเจริญด้วย
อายุ วรรณะ สุขะ พละลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ
อุปสรรคใดๆ โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก 
ทางธรรมตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า
ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความพยาบาท
ความอาฆาตและคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ
ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร
ขอให้พ้นนรกภูมิ พบแสงสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม เทอญ …


๑. คำบูชาพระโดยพิสดาร

โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,
สวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม,
สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง,
อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปิเตหิ อะภิปูชะยามะ,
สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ,
ปัจฉิมาชะนะตานุกัมปะมานะสา,
อิเม สักกาเรทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ,
อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ.

๒. คำนมัสการ

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ.
(กราบครั้งที่หนึ่ง)

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ.
(กราบครั้งที่สอง)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ.
(กราบครั้งที่สาม)

๓. ปุพพะภาคะนะมะการะ

(กล่าวนำ - หันทะทานิ มะยังตัง ภะคะวันตัง วาจายะ อะภิคายิตุง,
ปุพพะภาคะนะมะการัญเจวะ พุทธานุสสะตินะยัญจะ กะโรมะ เส.)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. (๓ ครั้ง)

๔. พุทธานุสสะติ

ตัง โข ปะนะ ภะคะวันตัง เอวัง กัลยาโณ กิตติสัทโท อัพภุคคะโต,
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู,
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.
๕. พุทธาภิคีติ
(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง พุทธาภิคีติง กะโรมะ เส.)

พุทธะวาระหันตะวะระตาทิคุณาภิยุตโต,
สุทธาภิญาณะกะรุณาหิ สะมาคะตัตโต,
โพเธสิ โย สุชะนะตัง กะมะลังวะ สูโร,
วันทามะหัง ตะมะระณัง สิระสา ชิเนนทัง.
พุทโธ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง,
ปะฐะมานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง.
พุทธัสสาหัสมิ ทาโส (ทาสี) วะ พุทโธ เม สามิกิสสะโร,
พุทโธ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม.
พุทธัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง,
วันทันโตหัง (วันทันตีหัง) จะริสสามิ พุทธัสเสวะ สุโพธิตัง.
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน.
พุทธัง เม วันทะมาเนนะ(วันทะมานายะ) ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,
สัพเพปิ อันตะรายา เม, มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา.

(หมอบกราบว่า)

กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ.

๑ ให้สวดหยุดเป็นตอนๆ ตามสัญลักษณ์ “ , ” หรือ “ . ”
๑ อ่านว่า พุด - ทัด - สา - หัด - สะ - มิ (เสียง อะ ครึ่งเสียง)
๒ ท่านชายว่า “ ทาโส ” , ท่านหญิงว่า “ ทาสี ”
๓ ท่านชายว่า “ วันทันโตหัง ” , ท่านหญิงว่า “ วันทันตีหัง ”
๔ อ่านว่า วัด - ไท - ยัง ( เ-ย อ่านว่า ไ-ย ทุกแห่ง)
๕ ท่านชายว่า “ วันทะมาเนนะ ” , ท่านหญิงว่า “ วันทะมานายะ ”

๖. ธัมมานุสสะติ
(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง ธัมมานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส.)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก อะกาลิโก
เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหีติ.
๑ อ่านว่า วิน - ยู - ฮี - ติ 
  
๗. ธัมมาภิคีติ 
(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง ธัมมาภิคีติง กะโรมะ เส.)

สวากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ เสยโย,
โย มัคคะปากะปะริยัตติวิโมกขะเภโท,
ธัมโม กุโลกะปะตะนา ตะทะธาริธารี,
วันทามะหัง ตะมะหะรัง วะระธัมมะเมตัง.
ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง,
ทุติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง.
ธัมมัสสาหัสมิ ทาโส (ทาสี) วะ ธัมโม เม สามิกิสสะโร,
ธัมโม ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม.
ธัมมัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง,
วันทันโตหัง (วันทันตีหัง) จะริสสามิ ธัมมัสเสวะ สุธัมมะตัง.
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน.
ธัมมัง เม วันทะมาเนนะ(วันทะมานายะ) ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,
สัพเพปิ อันตะรายา เม, มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา.

๑ อ่านว่า วัด - ไท - ยัง

(หมอบกราบว่า)

กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม.
๘. สังฆานุสสะติ 
(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง สังฆานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส.)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา,
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย,
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ.

๒ อ่านว่า อา - หุ - ไน - โย
๙. สังฆาภิคีติ
(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติง กะโรมะ เส.)

สัทธัมมะโช สุปะฏิปัตติคุณาทิยุตโต,
โยฏฐัพพิโธ อะริยะปุคคะละสังฆะเสฏโฐ,
สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะจิตโต,
วันทามะหัง ตะมะริยานะคะณัง สุสุทธัง.
สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง,
ตะติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง.
สังฆัสสาหัสมิ ทาโส (ทาสี) วะ สังโฆ เม สามิกิสสะโร,
สังโฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม.
สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง,
วันทันโตหัง (วันทันตีหัง) จะริสสามิ สังฆัสโสปะฏิปันนะตัง.
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน.
สังฆัง เม วันทะมาเนนะ(วันทะมานายะ) ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,
สัพเพปิ อันตะรายา เม, มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา.
(หมอบกราบว่า)

กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ.
(แล้วนั่งพับเพียบ)

๑๐. อุททิสสะนะคาถา
(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง อุททิสสะนะคาถาโย ภะณามะ เส.)

อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา,
อาจะริยูปะการา จะ มาตา ปิตา จะ ญาตะกา ปิยา มะมัง,
สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ,
พรัหมะมารา จะ อินทา จะ โลกะปาลา จะ เทวะตา,
ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ,
สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม,
สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ขิปปัง ปาเปถะ โวมะตัง ฯ,
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิเสนะ จะ,
ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ ตัณหุปาทานะเฉทะนัง,
เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง,
นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว,
อุชุจิตตัง สะติปัญญา สัลเลโข วีริยัมหินา,
มารา ละภันตุ โนกาสัง กาตุญจะ วีริเยสุ เม,
พุทโธ ทีปะวะโร นาโถ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม,
นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง,
เตโสตตะมานุภาเวนะ, มาโรกาสัง ละภันตุ มา ฯ

๑๑.อะภิณหะปัจจะเวกขะณะปาฐะ

(กล่าวนำ-หันทะ มะยัง อะภิณหะปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส.)

ชะราธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต
เรามีความแก่เป็นธรรมดา ยังไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้
พยาธิธัมโมมหิ พยาธิง อะนะตีโต
เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ยังไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้
มะระณะธัมโมมหิ มะระณัง อะนะตีโต
เรามีความตายเป็นธรรมดา ยังไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว
เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
กัมมัสสะโกมหิ กัมมะทายาโท เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม
กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระโณ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสามิ เราทำกรรมใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่วก็ตาม
ตัสสะ ทายาโทภะวิสสามิ เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

๑ ธัมโมมหิ อ่านว่า ทำ - โมม - หิ


๑. คำบูชาพระโดยพิสดาร

โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, สวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม, สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง, อิเมหิ สักกาเรหิ
ยะถาระหัง อาโรปิเตหิ อะภิปูชะยามะ, สาธุ โน ภันเต ภะคะวา
สุจิระปะรินิพพุโตปิ, ปัจฉิมาชะนะตานุกัมปะมานะสา, อิเม สักกาเร ทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ.
๑ ให้สวดหยุดเป็นตอนๆ ตามสัญลักษณ์ “ , ” หรือ “ . ”


๒. คำนมัสการ

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ.
(กราบครั้งที่หนึ่ง)

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ.
(กราบครั้งที่สอง)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ.
(กราบครั้งที่สาม)

๓. ปุพพะภาคะนะมะการะ

(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโตปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส.)
 
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. (๓ ครั้ง)

๔. พุทธาภิถุติ

(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส.)

โย โส ตะถาคะโต อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู, อะนุตตะโร
ปุริสะธัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวา, โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรัหมะกัง, สัสสะมะณะพราหมะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัตวา ปะเวเทสิ,
โย ธัมมัง เทเสสิ อาทิกัลยาณัง มัชเฌกัลยาณัง ปะริโยสานะกัลยาณัง, สาตถัง สะพยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรัหมะจะริยัง ปะกาเสสิ,
ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ, ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ ฯ
(กราบระลึกถึงพระพุทธคุณ)

๕. ธัมมาภิถุติ

(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เส.)

โย โส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหิ, ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ, ตะมะหัง ธัมมัง สิระสานะมามิ ฯ

(กราบระลึกถึงพระธรรมคุณ)
๑ อ่านว่า สะ - พรำ - มะ - กัง
๒ อ่านว่า สัด - ฉิ - กัด - ตะ - วา (เสียง อะ ครึ่งเสียง)
๓ อ่านว่า พรำ - มะ - จะ - ริ - ยัง


๖. สังฆาภิถุติ

(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เส.)

โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย
อัญชะลีกะระณีโย, อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ,
ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ, ตะมะหัง สังฆัง สิระสา
นะมามิ ฯ (กราบระลึกถึงพระสังฆคุณ) 

๑ อ่านว่า อา - หุ - ไน - โย ( เ-ย อ่านว่า ไ-ย ทุกแห่ง)

๗. ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา

ต่อไปนี้นั่งพับเพียบตามปกติ แล้วสวด

(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะสังเวคะปะริกิตตะนะปาฐัญจะ ภะณามะ เส.)

พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหัณณะโว,
โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน,
โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก,
วันทามิ พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง.
ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน,
โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก,
โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน,
วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง.
สังโฆ สุเขตตาภะยะติเขตตะสัญญิโต,
โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก,
โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส,
วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง.
อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง,
วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสังขะตัง,
ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปัททะวา,
มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา.
๑ อ่านว่า โล - ลับ - ปะ - ฮี - โน 

๘. สังเวคะปะริกิตตะนะปาฐะ

อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,
ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก
สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต, มะยันตัง ธัมมัง สุตวา เอวัง
ชานามะ, ชาติปิ ทุกขา ชะราปิ ทุกขา มะระณัมปิ ทุกขัง,
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา, อัปปิเยหิ
สัมปะโยโค ทุกโข ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข, ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ
ตัมปิ ทุกขัง, สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา, เสยยะถีทัง,
รูปูปาทานักขันโธ, เวทะนูปาทานักขันโธ, สัญูปาทานักขันโธ,
สังขารูปาทานักขันโธ, วิญญาณูปาทานักขันโธ, เยสัง ปะริญญายะ,
ธะระมาโน โส ภะคะวา, เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ, เอวัง ภาคา
จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี, พะหุลา ปะวัตตะติ,
รูปัง อะนิจจัง, เวทะนา อะนิจจา, สัญญา อะนิจจา, สังขารา
อะนิจจา, วิญญาณัง อะนิจจัง, รูปัง อะนัตตา, เวทะนา อะนัตตา,
สัญญา อะนัตตา, สังขารา อะนัตตา, วิญญาณัง อะนัตตา, สัพเพ
สังขารา อะนิจจา, สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ, เต มะยัง (ตา มะยัง), โอติณณามะหะ ชาติยา ชะรามะระเณนะ, โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกโขติณณา ทุกขะปะเรตา,
อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา
ปัญญาเยถาติ, จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา,
ธัมมัญจะ สังฆัญจะ, ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง ยะถาสะติ
ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปัชชามะ, สา สา โน
ปะฏิปัตติ, อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ
สังวัตตะตุ.

๑ อ่านว่า สุด - ตะ - วา (เสียง อะ ครึ่งเสียง)

๒ อ่านว่า นี - ยา - นิ - โก ( นิย ออกเสียงเป็น นี )
๒ อ่านว่า ไส - ยะ - ถี - ทัง
๓ ท่านชายว่า “ เต มะยัง ” , ท่านหญิงว่า “ ตา มะยัง ”

๙. ปัตติทานะคาถา

(กล่าวนำ - หันทะ มะยัง ปัตติทานะคาถาโย ภะณามะ เส.)

ยา เทวะตา สันติ วิหาระวาสินี,
ถูเป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหิง ตะหิง,
ตา ธัมมะทาเนนะ ภะวันตุ ปูชิตา,
โสตถิง กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล,
เถรา จะ มัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว,
สารามิกา ทานะปะตี อุปาสะกา,
คามา จะ เทสา นิคะมา จะ อิสสะรา,
สัปปาณะภูตา สุขิตา ภะวันตุ เต,
ชะลาพุชา เยปิ จะ อัณฑะสัมภะวา,
สังเสทะชาตา อะถะโวปะปาติกา,
นิยยานิกัง ธัมมะวะรัง ปะฏิจจะ เต,
สัพเพปิ ทุกขัสสะ กะโรนตุ สังขะยัง,
ฐาตุ จิรัง สะตัง ธัมโม ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา,
สังโฆ โหตุ สะมัคโค วะ อัตถายะ จะ หิตายะ จะ,
อัมเห รักขะตุ สัทธัมโม สัพเพปิ ธัมมะจาริโน,
วุฑฒิง สัมปาปุเณยยามะ ธัมเม อะริยัปปะเวทิเต.

๑ อ่านว่า วิ - หา - ระ - มัน - ดะ - เล ( ฑ ทุกแห่งออกเป็นเสียง ด )
๒ อ่านว่า อัน - ดะ - สัม - พะ - วา 

จบบทสวดมนต์ทำวัตรเช้า

      ทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว ให้ทุกคนสำรวมใจนั่งคุกเข่าประนมมือขึ้นพร้อมกัน เพื่อสวดมนต์ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ครั้นประธาน กล่าวนำ ทุกคนก็ว่าตามโดยพร้อมเพรียงกัน
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ.
(กราบครั้งที่หนึ่ง กล่าวว่า)
พุทโธ เม นาโถ, พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของเรา.

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ.
(กราบครั้งที่สอง กล่าวว่า)
ธัมโม เม นาโถ, พระธรรมเป็นที่พึ่งของเรา.

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ.
(กราบครั้งที่สาม กล่าวว่า)
สังโฆ เม นาโถ, พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของเรา.

        การกล่าวเช่นนี้ เป็นการแสดงความเคารพอย่างแน่นแฟ้น และเป็นการทำจิตใจให้เลื่อมใสมั่นคงในพระรัตนตรัยยิ่งๆ ขึ้น อันจะเป็นบาทเบื้องต้นที่จะส่งผลให้เราเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในได้โดยง่าย
 

พระอาจารย์ กล่าวว่า "การทำบุญ..ถ้าทำด้วยตนเอง ไม่ชักชวนคนอื่นทำ เกิดมาก็รวยคนเดียว ถ้าชักชวนคนอื่นทำบุญ แต่ตัวเองไม่ได้ทำ เกิดมาบริวารมากแต่จน ดังนั้น..การทำบุญต้องทำด้วยตนเองด้วย ชักชวนคนอื่นทำด้วย นอกจากรวยแล้วยังมีบริวารมาก จะทำอะไรก็มีแต่คนช่วยเหลือ" 


สำหรับในเรื่องของการปฏิบัติ พระอาจารย์ กล่าวว่า "การปฏิบัติสำคัญที่สุดตรงเอาไปใช้ในชีวิตจริง เพราะฉะนั้น..ทำอย่างไรที่เราจะเลื่อนไหลไปตามกิจกรรมต่างๆ โดยที่ใจยังนิ่งเป็นปกติได้ ต้องพยายามฝึกฝนตรงนี้ให้ได้" 


สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านวิริยบารมี เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๖


ที่มา : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ - หน้า 4 - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

เที่ยววัด ไหว้พระ 9 วัด แต่ได้แถมอีก 2 วัด


เช้าวันนี้เรามีนัดไปวัดกัน เป็นทัวร์ธรรม ไหว้พระ 9 วัด ณ กทม.ค่ะ จากพัทยา เดินทางสู่กทม. ตั้งแต่เวลาประมาณ 4.30น. โอ้ว ยังไม่ได้นอนเลย ทำงานเลิกก็ปาไป ตีหนึ่งกว่าๆละ กลับบ้านมามีเวลานิดหน่อย นอนไม่หลับแน่นอนกะเสี้ยวเวลาอันน้อยนิด เลยได้แค่นอนเล่นเป็นการพักผ่อนไป

เวลา 4.30น. ล้อเริ่มหมุนออกเดินทางจากพัทยา สู่บางกอกกันค่ะ หลับตลอดทางไม่ต้องห่วงเลย ตื่นอีกทีกท.  ถึงปั๊ม แวะเข้าห้องน้ำ พร้อมเติมแก๊ส อ๋อ สมาชิกการทัวร์ธรรมวันนี้มีทั้งหมด 13 คน วันนี้ที่เราไปทัวร์ธรรม ไว้พระ 9 วัด คือวันที่ 10 มีนาคม 2556 วันนี้เป็นวันโกน ถือว่าเป็นวันดีใช้ได้เลยค่ะ (มีพี่เค้าบอกมาการทำบุญวันโกนดีมาก) 

เป้าหมายแรกของเราวันนี้ที่เราจะไปสักการะกัน คือศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร (City Pillar Shrine)  ความหมายของการสักการะศาลหลักเมืองก็คือ หากอยากเจริญก้าวหน้าทางหน้าที่การงานให้มาสักการะศาลหลักเมือง

เนื่องจากเราไปถึงกันเช้ามาก หลังจากสักการะศาลหลักเมืองแล้ว เราเลยต้องใช้เวลารอวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ซึ่งเปิดเวลา 8โมงเช้า

วัดพระแก้ว หรือวัดศรีรัตนศาสดาราม วัดคู่บ้านคู่เมือง เป็นวัดในบรมมหาราชวัง สร้างตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ถ้าพูดถึงไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพ แน่นอน วัดพระแก้วต้องเป็นลำดับถัดมาจากศาลหลักเมืองเลยค่ะ ความสวยงาม ความเป็นระเบียบ ช่างควรคู่แก่การมาสักการะมากและแน่นอนไม่อายชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ บริเวณรายรอบ คอยมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ หรือจะดอกไม้ที่มีไว้ให้บริการสำหรับคนที่มาสักการะบูชาพระแก้วมรกต ก็สวยงาม จากการจัดแต่ง

ลำดับถัดไปเป็น วัดใกล้ๆนี่เอง  วัดโพธิ์ หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (ชื่อจริงยาวมาก) วัดนี้ขึ้นชื่อมากเรื่องนวดแผนโบราณ ถ้าจะเรียนนวดที่แรกที่ใครๆนึกถึงคือวัดโพธิ์ โบสถ์ใหญ่ แบ่งเป็นสองส่วน คือโบสถ์พระนอน 

ข้ามฝั่งมาทางเจ้าพระยา ด้วยเรือข้ามฟากมาฝั่งธนฯ วัดแรกทางฝั่งนี้ คือ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดอรุณ หรือ ที่เราเรียกกัน "ยักษ์วัดแจ้ง" นี่เอง โห ไปตามหายักษ์กัน วัดอรุณนอกจากจะมียักษ์ที่น่าสนใจแล้ว ยังมีส่วนที่น่าสนใจมากมาย อาทิ มีพระปรางค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสูง 33 วาเศษ ประดับด้วยชิ้นกระเบื้องเคลือบสีต่าง ๆ ยอดพระปรางค์เป็นนภศูล ในสมัยรัชกาลที่ 3 มีปรางค์ทิศทั้ง 4 ประดิษฐานพระพุทธรูปปางประสูติ เทศน์พระธัมมจักร ตรัสรู้ นิพพาน การเดินเวียนทักษิณาวัดรอบพระปรางค์ 3 รอบ โดยเดินเวียนขวา (ตามเข็มนาฬิกา) เพื่อความเป็นสิริมงคล มีพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" ซึ่งรัชกาลที่ 2 ทรงปั้นหุ่นและพระพักตร์ด้วยฝีพระหัตถ์พระองค์เอง และยังมีพระวิหารที่มีพระบรมสารีริกธาติที่เกศพระพุทธชมภูนุชฯ มีพระอรุณหรือพระแจ้ง ที่รัชกาลที่ 4 ทรงอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ มีบรรไดให้ได้ขึ้นไปสักการะกัน แต่โอ้ว! เราต้องฟิตร่างกายให้พร้อม เพื่อขึ้นไป มันเสียวมาก ผู้เขียนขอบอกว่า ไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น พอขึ้นไปได้ กลางทาง แล้วมองลงมา โอ้ว มันไม่ไหวนะ ขาสั่น นึกถึงถ้าลงมาแล้วเกิดวื๊ด ใครเน้อจะช่วยอิชั้นละค่ะเนี้ย บรรไดชันมากค่ะ ถ้าคุณคิดว่าแน่ เชิญได้เล๊ย นั้นคือมีบุญบารมีพอที่จะขึ้นไปสักการะ 

ถัดไปนั่งเรือไปข้างๆ เรายังอยู่ทางฝั่งธนฯ กันอยู่นะคะ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หรือ "วัดกัลยา" 

ถัดไปอีกนิด วัดระฆัง หรือ ชื่อเต็ม วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ความหมายแน่นอน เปรียบเหมือนระฆัง มีชื่อเสียงโด่งดัง ทำให้คนนิยมชมชอบ






Latest News

Entri Populer